ประสบการณ์รักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม แบบการแพทย์ทางเลือกองคํรวม...

โดย อ.อุไรรัตน์ สิงหนาท

 สองวันก่อนได้ทราบข่าวรุ่นน้องพยาบาลคนนึงที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่ รพ.จุฬา แต่วันนั้น ส่วนตัวมีภาระกิจตรวจรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่รพ.เช่นกัน จึงอยากแบ่งปันประสบการณ์รักษาคนไข้มะเร็งบ้าง คือเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ถูกเชิญจากญาติผู้ป่วยให้ไปตรวจรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ รพ.เอกชนมีชื่อแห่งหนึ่ง และเปิดเป็น รพ.เฉพาะทางรับเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง อยู่ภายใน รพ.นี้ด้วย ผู้ป่วยเป็นหญิงวัยห้าสิบกว่า เคยเป็นมะเร็งเต้านมทำผ่าตัดแล้ว ห้าหกปีก่อน เดิมตอนนั้นรักษาที่รพ.จุฬา แต่มาเป็นครั้งนี้ไม่ใช่การ recurrence แต่แพทย์ถือว่าเป็นครั้งใหม่ คือมีอาการปวดหลังแล้วไปกายภาพแต่ไม่ทุเลาปวด จึงไปแอดมิทแล้วตรวจพบมะเร็งที่ตับและลามไปที่กระดูกหลายตำแหน่ง ตับโตเบียดช่องอกช่องท้อง นอนราบไม่ได้ หายใจตื้นเร็ว ชีพจรเร็ว ทานอะไรไม่ได้เลย อาเจียนออกหมด ดื่มได้แค่น้ำวันละ 500 มล. ถ่ายเหลวสีดำปนแดง นน.ลดไปสิบกว่าโล วันที่ไปดูคนไข้ มีอาการทั่วไป คือ มีอาการซีด ตาเหลืองเล็กน้อย ขาบวม ภายในตัวรู้สึกร้อนมาก เหงื่อเปียกชุ่มโดยเฉพาะถ้าร่างกายรู้สึกร้อนมาก ต้องเปิดแอร์เย็นให้ตลอด ไม่ยอมห่มผ้า แต่ปลายเท้าเย็นรับความรู้สึกไม่ค่อยดี เราใช้หลักการดูแลแบบองค์รวมคือ "5 อ." จนในเวลาไม่ถึงสอง ชม. คนไข้มีกำลังใจดีขึ้น และอาการดีขึ้น คือหลังสอนทำสมาธิเพื่อการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงร่างกายและอวัยวะที่เป็น มะเร็ง คนไข้หายใจได้ยาวและสงบขึ้น พร้อมทั้งได้อธิบายวิธีสังเกตอุจจาระที่มีเลือดปน (blod in stool) และอาการดีซ่าน (Obstructive Jaundice) เพราะผู้ป่วยและญาติกังวลเรื่องนี้อยู่ เราได้นำเครื่องปั่นอาหารแบบที่คิดว่าเหมาะกับผู้มีปัญหาไม่อยากอาหารและมี ปัญหาระบบการย่อยพร้อมทั้งซื้อวัตถุดิบไปให้ ลองทำเสร็จแล้ว ก็ให้ลูกชายคนเล็กเขาป้อน แต่เขากลับทานเอง โดยไขเตียงให้สูงขึ้น ถือแก้วไว้เอง เพราะแก้วไม่หนักมาก ใช้มือจับหลอดดูด เอาอาหารแค่ส่วนปลายหลอดหยอดลงปากตัวเองจนหมดราว 30 มล. แค่นี้กำลังใจก็มาทั้งผู้ป่วยและญาติที่ผู้ป่วยยอมรับอาหารและไม่อาเจียนออก หมดในช่วงสองสามวันนี้ ทส่วนที่ปลายเท้าก็อุ่นขึ้นเพราะเราแนะนำให้ญาติไปซื้อถุงเท้ามาสวมให้ วันนี้เขาแจ้งมาว่าไม่ถ่ายเหลวแล้ว กำลังจะพิจารณาเริ่มยาของคลีนิกเราที่จัดไปให้แล้ว ว่าจะเขียนแนวทางการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบองค์รวมแชร์ในเว็บและเฟสแก่เพื่อน ร่วมวิชาชีพได้นำไปพิจารณาใช้กับผู้ป่วยมะเร็งบ้าง ขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับผู้ป่วยและญาติที่การแชร์ครังนี้ได้รับอนุญาตให้นำ มาเผยแพร่่เป็นวิทยาทาน